เบส – ประสบการณ์ความตาย
|
Experience description:
“เบส”
ประสบการณ์เรื่องความตายเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดหัวใจของผม โดยในช่วงระยะเวลาที่ผมได้รับการผ่าตัดนั้น ผมอยู่ในระยะการเจ็บป่วยที่ค่อนข้างหนักหนามาก ที่จริงแล้วผมควรจะถึงแก่ความตายจากโรคหัวใจ อันเนื่องจากเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจของผมตีบตัน ผมไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องหัวใจใดๆเลยจนกระทั่ง 1 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะทำการผ่าตัดหัวใจ แม้แต่นายแพทย์ที่รับผิดชอบเรื่องการผ่าตัวหัวใจของผม ก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าผมจะปลอดภัยหลังการผ่าตัดแล้ว แม้ว่าขณะที่วิสัญญีแพทย์จะทำการรมยาสงบให้ผมแล้วก็ตาม เพราะว่า ผมเริ่มตัวเขียว และหายใจไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่ในที่สุดการผ่าตัดหัวใจของผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี และเขาก็ย้ายตัวผมมาอยู่ที่ห้อง ไอซียูเพื่อรอดูอาการ และเมื่อรู้สึกว่าดีขึ้น ฉันก็สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง นายแพทย์ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจของผมออกมาในที่สุด แต่แล้ว ฉันก็เริ่มหายใจติดขัด ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง นายแพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจให้ผมอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อให้เล่าเรื่องให้สั้นลง ผมขอสรุปคร่าวๆว่า ในระหว่างช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันหายใจไม่ออกถึง 3 ครั้ง ผมต้องได้รับการช่วยเหลือโดยสอดหลอดขยายเส้นเลือดของหัวใจ ผ่านหน้าขาของผม แล้วสอดต่อไปยังหัวใจของผม เพื่อทำให้หัวใจของผมเต้น (วิธีทำนี้เรียกว่า การทำบอลลูนหัวใจ) ซึ่งผมก็ยังรู้สึกตัวตลอดเวลา เนื่องจากนายแพทย์ต้องการทดสอบการหายใจของผมว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ โดยต้องถอดเครื่องช่วยหายใจเป็นบางครั้งบางคราว แต่ผมกลับไม่รู้สึกตัวในขณะนั้นเลย ในช่วงวิกฤตดังกล่าว นายแพทย์บอกผมว่า ผมมีโอกาสรอดเพียง 25% และอาจไม่มีโอกาสรอดเลยก็ได้ รวมทั้งอาจมีภาวะแทรกซ้อนของสมองหยุดทำงานก็ได้
ณ ขณะนั้น ในช่วงที่ผมคิดว่า ผมไม่มีสติอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่า ผมกำลังจะตาย ผมจำได้ว่า ผมพูดกับตัวเองว่า “ผมกำลังจะตายแล้ว” แต่ผมก็ไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจเรื่องนี้แต่ประการใด และแล้วผมก็รู้สึกว่า มีความดำมืดมิดเข้ามาเยือนตัวผม และสิ่งที่ผมเห็นต่อมาก็คือผมเห็นว่า ตัวผมกำลังนอนอยู่ในห้องๆหนึ่ง ซึ่งห้องดังกล่าวก็เต็มไปด้วยแสงสว่างไสว ดุจดังแสงตะวัน แต่กลับไม่รู้สึกระคายเคืองตาแม้แต่น้อย มันช่างเป็นแสงทอสว่างที่สุกใสเย็นสายตา ทะลุผ่านฝาห้องที่ทำด้วยกระจกใส ผมมีความสุขสบายมากในขณะนั้น มันช่างน่าสงบเยือกเย็นและผ่อนคลายในอารมณ์และความรู้สึกมาก ถึงแม้ผมจะไม่เห็นใครในห้องก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกว่า มีใครบางคนอยู่ในห้องนั้นกับผมด้วย หลังจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงที่อ่อนนุ่มของผู้ชายว่า “เธอจะไม่เป็นอะไร เธอยังไม่ถึงเวลาที่ต้องตาย” ผมกล่าวได้ว่า เสียงที่ดังออกมานั้น ผม ไม่ได้สัมผัสด้วยการรับเสียงทางหูของผมแน่นอน แต่รับฟังเสียงได้ด้วยจิตใจของผมนั่นเองเหมือนกับได้ยินเสียงขณะที่ผมกำลังฝันอยู่ มันเหมือนกับว่า ฉันได้ตายไปแล้ว และได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่ผมสามารถจำได้ โดยมันไม่ได้ทำให้ผมตกอกตกใจหรือเสียใจเป็นทุกข์แต่ประการใดเลย