ประสบการณ์ความตายของ จีน บี
|
Experience description:
ประมาณราว 17.00 น. ของวันอาทิตย์ก่อนถึงวันขอบคุณพระเจ้าในปี คศ. 1988 (พศ. 2531) ผมอยู่ที่สำนักงานแพทย์ของผมที่เมืองสโปเคน รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ผมมีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับเรื่องการหายใจ ที่เหนื่อยหอบได้ง่ายๆ และหายใจไม่ทัน และอยู่ระหว่างการวางแผนที่จะเกษียณอายุจากการทำงานเป็นนายแพทย์อันเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ขณะนั้น ผมกำลังเขียนจดหมายด้านธุรกิจอยู่หลายฉบับ เป็นเวลาติดต่อกันหลายๆชั่วโมง จึงทำให้เกิดความเหนื่อยล้ามากจากการทำงานที่เคร่งเครียดดังกล่าว เพื่อคลายความเครียด ผมจุดธูปขึ้นมา 1 ดอก พร้อมกับเปิดเทปฟังเรื่องการทำสมาธิจากเครื่องเล่นเทป แล้วนั่งพิงไปบนเก้าอี้ “เลซี่บอย” ทันทีทันใดนั้น ผมก็รู้สึกว่า ไม่สามารถสูดอากาศหายใจเข้าไปในปอดได้ ผมเป็นโรคหอบหืดมาก่อน แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ที่หายใจขัดมากเท่าครั้งนี้เลย ผมรู้ทันทีเลยว่า ผมจำเป็นต้องได้รับการฉีดยา สเตียรอย เพื่อทำให้ผมหายใจสะดวกขึ้น ผมต้องการสารอะดีนารีน รวมทั้งออกซิเจนที่บริสุทธิ์ (สิ่งเหล่านี้มีพร้อมอยู่ที่สำนักงานแพทย์ของผมอยู่แล้ว เพียงแต่ผมไม่มีเวลาไปหยิบมันเท่านั้นเอง) ผมมีเครื่องช่วยหายใจอยู่ พยายามสอดเข้าไปในหูจมูกของผม แต่ก็น่าแปลกใจว่า ไม่มีออกซิเจนเข้าไปในปอดของผมตามสายยางส่งอากาศเลย
ต่อมา สิ่งที่ผมรู้ตัวคือ ผมกำลังลอยขึ้นไปบนเพดานห้องทำงานของผม มองไปยังด้านล่างของร่างกายผมที่นอนอยู่ ซึ่งร่างกายของผมก็เรียกว่า กำลังนอนเหยียดอยู่บนเก้าอี้เอนหลังตัวนั้นอยู่ ต่อมา ผมก็รู้สึกตัวว่า กำลังลอยออกไปเบื้องบนห่างออกจากสำนักงานของผม มันช่างดูมืดมิดเสียเหลือเกิน แสงดาวส่องระยิบระยับบนท้องฟ้า แสงไฟฟ้าจากถนนก็ส่องสว่างจ้าอยู่ ผมเห็นโรงพยาบาลโฮลี่แฟมิรี่ อยู่อีกบล็อกหนึ่งทางใต้ ผมเห็นรถยนต์วิ่งขวักไขว่ในท้องถนน ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกตัวว่า ลอยระล่องออกไปยังฟ้ากว้างด้านบน และไปสิ้นสุดที่อุโมงค์อันมืดมิด โดยรอบผนังของอุโมงค์มีแสงสว่างส่องระยิบระยับ สุดปลายทองอุโมงค์ผมก็เห็นแสงสว่างริบๆไกลๆตรงปลายอุโมงค์ ทันใดนั้น ผมก็ลอยไปถึงปลายอุโมงค์ โดยที่ปลายอุโมงค์นี้ จะเป็นรูปตัว วี เหมือนกับลักษณะของสายเสียงของมนุษย์ ตรงปลายอุโมงค์ก็เป็นลานกว้างมาก มีประกายสีสันต่างๆโดดไปมาอย่างสวยงาม เป็นสีและแสงที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันเหมือนกับการเต้นรำที่มีท่าแปลกๆตามสีแสงเหมือนเพลงอันไพเราะที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพลงอะไร แต่มันช่างน่าสงบและร่าเริงเหลือเกิน ผมรู้ว่ามันไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ผมไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลยกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผมมาในอดีต ผมให้อภัยต่อตัวผมเองในกรรมต่างๆของอดีตที่ได้ผ่านมา ผมได้รับรู้ถึงการตัดสินใจที่ “จะก้าวต่อไป” หรือ “จะถอยหลังกลับ” มาสู่ชีวิตในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจกลับมาสู่ชีวิตปัจจุบัน เนื่องจากผมยังต้องมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องทำอีกมาก
ที่ผมตัดสินใจกลับมาอีกครั้งนี้ เนื่องจาก ความรักของผมที่มีต่อจีนนี่ ผู้เป็นภรรยาของผม เมื่อผมฟื้นขึ้นมาแล้ว ผมก็สุขสบายดี แต่ผมก็ไม่รู้ว่า มันผ่านไปนานเท่าไร