กวน ดับเบิลยู (คาดว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ความตาย)
|
Experience description:
ผมมีประสบการณ์ความตายครั้งแรก เมื่อมีอายุได้ประมาณ 10 ขวบเท่านั้น ขณะนั้น เหมือนผมกำลังนอนหลับและตกเข้าไปในโลกอีกโลกหนึ่ง ผมอยากจะเรียกมันว่า “ต้นกำเนิดของอวกาศแห่งที่สอง” มันดูเหมือนจะดำมืดมิดไปหมด (ตรงกันข้ามกับอีกประสบการณ์เรื่องความตายอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับเรื่องปราสาท) ถ้าจะให้คำจำกัดความนี้ ก็น่าจะเรียกได้ว่า เป็น “โรงสีลม” หรือ “หลุมดำ” ก็ว่าได้ ซึ่งคล้ายกับภาพหน้าจอที่ปรากฏอยู่ในจอคอมพิวเตอร์ในขณะที่เปิดระบบซ๊อฟแวร์ “วินโดมีเดียเพลย์เยอร์” ที่ทุกท่านย่อมคุ้นเคยได้อย่างดี
มันจะมีเสียงอึกทึกครึกโครมอย่างไม่เป็นระเบียบ ทั้งภาพและความรู้สึกที่เกิดขึ้น ซึ่งผมก็จะเรียกมันว่า “ความตื่นตระหนก” ก็ว่าได้เช่นกัน และแล้ว ผมก็ตะโกนขึ้นสุดเสียงว่า “ปล่อยผมไปนะ ปล่อยผมไป” (อันนี้ เป็นเรื่องที่คุณแม่เล่าให้ผมฟังหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว) เพราะผมเกิดความกลัวแทบแย่ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของผมต่างก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์และความรู้สึกกลัวของผม ผมมั่นใจได้ 100% เลยว่า นั่น เป็นประสบการณ์ เรื่องความตายของผมที่ได้รับ ซึ่งในขณะนั้น ผมอยู่ในสภาวะที่หายใจค่อนข้างลำบาก และมีอาการที่สลบหมดสติไป และผมก็ได้รับประสบการณ์เรื่องความตายอีก ในหลายๆปีต่อมาในภายหลัง
ต่อมา เมื่อผมมีอายุ 20 ปี ผมมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจอีก คราวนี้ ผมได้สัมผัสกับความตายในรูปของการได้เห็นแสงสว่างจ้า และเห็นภาพชีวิตในอดีตของฉันเหมือนหนังที่ฉายย้อนหลังกลับมาให้ดูอีก ทุกอย่างดูสวยงามไปหมด และเกินกว่าที่ผมจะพรรณนาออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้
บางจังหวะ ผมก็รู้สึกว่า ผมไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ บางจังหวะ ผมก็อยู่ในสภาวะที่ ปิติอิ่มเอิบ บางครั้งก็รู้สึกว่า พบกับสิ่งแปลกๆที่อธิบายไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ผมเห็นบางอย่างที่ไม่สมควรจะอยู่ในห้องของผม บางอย่างที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอยู่อีก ผมบินได้เหมือนกับเครื่องบินบนอากาศ ผมสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ โดยไม่ต้องเปิดปากพูดเลยหรือรู้เรื่องเลย ถึงแม้จะใช้คนละภาษาก็ตาม ผมพบว่า มี
หลายอย่างที่เรามีความคล้ายคลึงกัน ภายในของเราประกอบด้วยสารเคมี เรามีจิตวิญญาณ มีแสงสว่างจ้าออกมาจากตัวของเรา ทันทีทันใดนั้น ผมก็ตื่นขึ้นมาพอดี แต่ก็รู้สึกละเหี่ยใจ เหมือนกับว่า คนที่ฝันว่าเขามีเงินอยู่เต็มกระเป๋า แต่พอตื่นขึ้นมาในมือของเขากลับมีแต่ความว่างเปล่า
ผมสามารถยืนยันได้ว่า มันเป็นการแสดงความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน กับสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง ท่ามกลางความฝันของผมก็มีความเป็นจริงปนอยู่ด้วย ผมได้เห็นปราสาทอันน่าตื่นตา ที่ใหญ่โต มีแสงสุกสว่าง สีทองแจ้งจ้า เหมือนกับที่เคยในนิทานหรือ นวนิยายอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว มันช่างสวยงามเสียนี่กระไร ทุกๆชีวิตควรจะได้รับรู้และสัมผัสความรู้สึกอันนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมารบราฆ่าฟันกัน
ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่เกินขอบเขตที่จะพรรณนาออกเป็นอักษรได้ เปรียบประดุจคนที่กำลังมีความรัก ก็ไม่อาจจะสาธยายความเปี่ยมสุขของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้ ก่อนหน้าที่ผมจะมีประสบการณ์เรื่องนี้ ผมไม่รู้ว่า ผู้คนจะสามารถสัมผัสกับประสบการณ์นี้ได้หรือไม่ แต่หลังจากเหตุการณ์เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ผมก็สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้และง่ายดาย เหมือนกับผมจบระดับปริญญาเอก ในขณะที่กำลังเรียนอยู่ในแค่ประถมศึกษาเท่านั้น ผมต้องขอโทษท่านผู้อ่านทุกท่าน ที่ผมไม่สามารถสื่อสารให้ท่านได้เข้าใจ
ผมขอขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเมตตาแก่ตัวกระผม หลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา ผมรู้สึกสำนึกผิดอย่างมากต่อความปรารถนาที่ดีจากพระองค์ ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว ความกลัดกลุ่มใจถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนก็จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว มนุษย์ควรจะเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตาย ดังสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า
“ชีวิตของเราถูกลิขิตด้วยผลของกรรมที่เราได้กระทำไปก่อนหน้านี้” ขอให้พวกเรามีความรักที่บริสุทธิ์ และยอมรับความจริงที่ประเสริฐที่สุด
พระเจ้าคือแสงสว่างของชีวิต พระเจ้าคือความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด