แม๊คกี้ ซี ประสบการณ์เกี่ยวกับความตาย
|
Experience description:
ดิฉันกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำฟัน ขณะนั้น ดิฉันได้รับก๊าซอีเธอร์ ซึ่งเป็นก๊าซที่ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ เพื่อให้ทันต์แพทย์สามารถถอนฟันกรามออกจากจากกรามของดิฉัน และดิฉันก็สวมหูฟัง เพื่อฟังเพลงเบาๆในเวลาเดียวกันด้วย ดิฉันช่างมีความสงบอกสงบใจเหลือเกิน หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมา ดิฉันก็เริ่มหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง
ทันใดนั้น ดิฉันก็รู้สึกว่าดิฉันกำลังลอยขึ้นไปข้างบน ผ่านอุโมงค์ที่มืดมิด แต่ภายในก็ยังพอมีแสงสว่างพอเพียงที่ให้ดิฉันได้สังเกตเห็นว่า ดิฉันกำลังลอยตัวอยู่รอบๆอุโมงค์ในขณะนั้น ดิฉันเหลือบไปดูที่แขนและขาทั้งสองข้าง ก็ดูเหมือนว่า ดิฉันไม่เห็นทั้งแขนและขาของดิฉันเอง ดิฉันเริ่มตื่นตระหนกมาก เพราะรู้ว่า มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับตัวดิฉัน ดิฉันรู้แล้วว่า ดิฉันกำลังถึงแก่ความตาย และแล้ว ภาพของลูกๆและครอบครัวก็ปรากฏมาที่จิตใจของดิฉัน คิดแล้วดิฉันก็รู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน ดิฉันรู้ดีว่า ทางบ้านและครอบครัวของดิฉันคงจะไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับดิฉัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวดิฉัน เพราะว่า ดิฉันไม่ได้คิดมากอะไร เพียงแต่ว่าคิดว่าดิฉันแค่มาถอนฟันเท่านั้นเอง ดิฉันไม่รู้เลยว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวดิฉัน ระหว่างการเดินทางหรือการลอยตัวของดิฉันในขณะนั้น ดิฉันสังเกตเห็นมีแสงสว่างจ้ามากอยู่ห่างไกลออกไป ยิ่งเข้าใกล้แสงสว่างนั้นเท่าไร ความเศร้าของดิฉันก็ยิ่งลดลงไปเท่านั้น และ ณ ถึงจุดๆหนึ่งแล้ว ความรู้สึกที่ฉันคิดถึงลูกๆก็พลันหายไปเลย ดิฉันกลับมีความรู้สึกยินดีในความสุขที่ดิฉันได้รับขณะนั้น มันช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน ดิฉันไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมาก่อนเลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา อ้อ จริงซิ สิ่งที่ดิฉันเคยมีความสุขมาก่อนหน้านี้ ก็คือ ดิฉันมีลูกสาวที่น่ารักอยู่ 3 คน ดิฉันมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ดิฉันมีสามีที่ดีแสนดี นึกถึงความสุขที่ดิฉันเคยมีในปีที่สองก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อจะรับปริญญาครุศาสตร์ของดิฉัน โอ้ มันช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน ดิฉันลอยละล่องไปใกล้แสงสว่างนั้นให้ใกล้ที่สุดที่จะไปถึงได้ แสงมันก็ช่างสว่างเสียเหลือเกิน จนมันดูเหมือนจะทำให้ตาของดิฉันบอดได้ จนดิฉันต้องหลับตาลง และแล้วก็มีเสียงของพระผู้เป็นเจ้าเรียกชื่อของดิฉัน แล้วบอกดิฉันว่า มันยังไม่ถึงเวลาของดิฉัน
ทันใดนั้น ดิฉันก็รู้สึกตัวว่า กำลังกลับเข้ามายังห้องทำฟันอีกครั้ง มีเสียงเรียกชื่อดิฉันแผ่วเบา ดิฉันยืนยันว่าเป็นเสียงเรียกชื่อของดิฉัน แล้วมันก็ค่อยๆดังขึ้นๆ ยิ่งดังขึ้นมากตอนที่ดิฉันเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง ดิฉันสามารถเห็นใบหน้าของพวกเขาได้เมื่อเริ่มเปิดตาขึ้น พวกเขาถามว่า ดิฉันเป็นอะไรไหม ดิฉันก็ตอบพวกเขาว่า ดิฉันสบายดี แล้วพวกเขาก็หยุดเซ้าซี้กับดิฉัน หลังจากนั้น ดิฉันก็ออกจากร้านหมอฟันไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรอีกเลย ดิฉันยังคงเคืองพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่อนุญาตให้ดิฉันอยู่กับพระองค์ ดิฉันก็ยังรู้สึกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้ ดิฉันอาจฝันเฟื่องไปก็ได้ ดิฉันยังคงเก็บความเคืองเรื่องนี้ไปอีกนาน