มารีนา เอส
|
Experience description:
ประสบการณ์เฉียดตาย จาก มารีนา เอส
คืนหนึ่ง ฉันตื่นขึ้นมารู้สึกเจ็บแป๊บที่หน้าอก รู้สึกหายใจได้ลำบากยากเย็น ความเจ็บปวดนั้นมากมายเหลือที่จะบรรยายออกมาได้ จนฉันต้องยอมแพ้ราบคาบต่อความเจ็บปวด จนกระทั่งฉัน “ผ่านพ้นไป” ณ จุดนี้ ฉันไม่ได้สติสัมปชัญญะเลย ฉันผ่านจุดแห่งความเจ็บปวดไปแล้ว จึงไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย ครั้งสุดท้ายก่อนที่ฉันจะไป ฉันมองเวลาที่นาฬิกา พบว่า มันเป็นเวลาประมาณ ตีสี่แล้ว และเมื่อฉันรู้สึกตัวกลับมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลา 7.00 น.ของเช้าวันต่อไปแล้ว วินาทีที่หัวใจฉันหยุดเต้น นับว่า เป็นวินาทีแห่งความวิกฤตเลยก็ว่าได้ ในช่วงระหว่างเหตุการณ์ที่มีนายแพทย์จำนวนมาก มารุมล้อมช่วยฉันนั้น ฉันก็รู้สึกว่า ฉันอยู่ในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งรับรู้ได้ว่า ฉันออกมาจากนอกร่างกายของฉันแน่นอน
ฉันเริ่มรู้สึกว่า ตัวฉันค่อยๆลอยขึ้นมาเหนือร่างกาย แล้วค่อยๆลอยเข้าสู่อุโมงค์ มันมืดมาก ระหว่างลอยอยู่ในอุโมงค์ ฉันไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถควบคุมตัวฉันได้เลย เหมือนตัวฉันล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรที่สงบเงียบ ปราศจากคลื่นลมใดๆ ฉันมีความสุขมากๆ จนไม่สามารถพรรณนาออกมาได้ ฉันมีความสุขแบบหลุดโลกเลย ทันใดนั้น พลันฉันก็ได้ยินเสียงที่แข็งกร้าว เสียงที่มีอำนาจ บอกให้ฉันกลับไป ซึ่งโดยส่วนตัวของฉัน ไม่ต้องการที่จะกลับไปเลย แต่เสียงที่ทรงอำนาจนั้นทำให้ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ “เธอจะต้องไปกลับมีชีวิตต่อไป เธอยังมีพันธะกิจที่จะต้องกระทำอีก 3 ประการที่จะต้องทำให้สำเร็จ จากเสียงดังกล่าว ทำให้ฉันต้องเริ่มเดินทางกลับสู่ร่างเดิมของฉัน ฉันก็ถามว่า “พันธะกิจที่ยังจะต้องทำมีอะไรบ้างคะ” ก็มีเสียงตอบคำถามในแต่ละคำถามที่ฉันได้ถามไป และแล้ว ฉันก็กลับมาสู่ร่างของฉันตามเดิม ความเจ็บปวดของร่างกายก็เริ่มกลับมาทับโถมตัวฉันอีก
ฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อมีมือมาตบที่ใบหน้าของฉันเบาๆ และเมื่อฉันลืมตาขึ้นมา ก็พบว่า รอบๆเตียงของฉันเต็มไปด้วยแพทย์และพยาบาล มุงรอบเตียงที่ฉันนอนเต็มไปหมด ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงของคน เสียงของเครื่องมืออุปกรณ์ ความวิตกกังวล ความเจ็บปวด ........ฯลฯ เต็มไปหมด ฉันต้องนอนพักอยู่ในห้องไอซียู ถึง 8 วัน แต่มันก็ช่างเป็น 8 วันอันวิเศษสำหรับจิตวิญญาณของฉัน เพราะตลอด 8 วัน ฉันได้อยู่กับพระผู้เป็นเจ้า หลายๆครั้ง ฉันรู้สึกตัวว่า เริ่มลอยออกมาจากร่างของฉัน และล่องลอยออกไปข้างนอก ไปยังสถานที่ไม่มีขอบเขต ณ ที่นั้น ฉันได้สัมผัสถึงพระเจ้า ที่ได้ทรงประทานความสงบจิตสงบใจให้แก่ฉัน สภาพร่างกายที่ละเอียดอ่อน ที่อยู่ระหว่างการรับการผ่าตัดหัวใจของฉัน แต่ก็มีสิ่งที่มหัศจรรย์เกิดขึ้น ก้อนอุดตันในหัวใจฉัน กลับถูกซึมซับออกไปจากเส้นโลหิตที่อุดตัน จึงไม่จำเป็นต้องรับการผ่าตัดหัวใจ หลังจากพักฟื้น 8 วันในห้องไอซียู ฉันก็ได้รับอนุญาต ไม่ต้องให้ออกซิเจนทางเครื่องช่วยหายใจอีก อีก 30 วันต่อมา ฉันก็เริ่มฝึกทำกายภาพบำบัด ในช่วงดังกล่าว ฉันได้ย้อนไปสู่อดีต พบเห็นตัวฉันเองในอดีตชาติ ในภพชาติต่างๆ ในวัยที่แตกต่างกัน ในประเทศต่างๆ ฉันได้มีโอกาสพบสมาชิกของครอบครัวของฉัน ทั้งที่มีอายุอ่อนกว่าฉันและแก่กว่าฉัน ในรูปของสถานะภาพที่แตกต่างออกไป และเมื่อฉันได้กลับมาแล้ว ฉันได้เรียนรู้ความจริงในชีวิตอีกมากมาย เรียนรู้เกี่ยวกับญาติพี่น้อง และเข้าใจถึงประสบการณ์ดังกล่าว ฉันต้องใช้เวลากว่า 1 ปี ในการสื่อข้อความนี้ให้แก่พ่อและแม่ของฉัน โดยที่ฉันไม่รู้ว่าจะสื่อสารให้ท่านทั้งสองเข้าใจได้อย่างไร ฉันต้องใช้เวลา 5 ปีในการเข้าใจถึงพันธะกิจที่สองที่จะต้องทำ และต้องใช้เวลาอีก 10 ปี ในการทำพันธะกิจที่สามให้ลุล่วงไป ณ วันนี้ หรือผ่านไป 16 ปีมาแล้วตั้งแต่วันที่ฉันมีประสบการณ์เฉียดความตาย ฉันรู้สึกว่า ฉันมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงเรื่องประสบการณ์ดังกล่าวแล้ว ทำให้ฉันมีความสุขที่จะได้แชร์ประสบการณ์และเล่าเรื่องดังกล่าวให้คนอื่นๆได้รับรู้