นิโคล เอส ประสบการณ์ความตาย
|
Experience description:
ดิฉันได้รับความทนทรมานจากการเป็นโรควิตกจริตจากความกดดันในชีวิต ฉันยอมรับว่า ตัวดิฉันเองเป็นทั้งบุคคลที่คนชอบ และ บุคคลอื่นที่เกลียดตัวดิฉัน ดิฉันอาศัยตามลำพังกับคุณย่า ซึ่งท่านมักจะเดินทางไปไกลๆเป็นประจำ ทำให้ดิฉันถูกทิ้งอยู่อย่างเดียวดาย
ดิฉันเคยพยายามฆ่าตัวตายและต้องอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 5 วัน กับต้องทนทุกอีก 1 ปี ในโรงพยาบาลโรคจิต ตัวดิฉันเอง เคยได้รับการล่วงเกินทางเพศจากพี่ชายต่างบิดาของฉัน แต่แทนที่คุณพ่อของดิฉันจะช่วยปกป้องให้ดิฉัน ท่านกลับเก็บมันไว้เป็นความลับจากพี่ชายต่างมารดาของดิฉัน ดิฉันได้เล่าเรื่องนี้ ให้แก่แพทย์บำบัดโรคให้เขาทราบ เพื่อจะได้ช่วยสอบสวนอีกแรงหนึ่ง แต่คุณพ่อของดิฉัน กลับไปบอกพวกเขาว่า ดิฉันกุเรื่องขึ้นมาเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดิฉันก็เริ่มจะมีอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ดิฉันทะเลาะกับคุณพ่ออย่างรุนแรง จนเป็นสาเหตุที่ดิฉันต้องย้ายมาอยู่กับคุณแม่ของดิฉัน
คุณแม่ของดิฉัน เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง และแล้วดิฉันก็กลับต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก 2 คน ซึ่งเป็นลูกที่เกิดจากแฟนใหม่ของแม่ที่ดูถูกเหยียดหยามคุณแม่และดิฉันมาก ดิฉันเฝ้าถามคุณพ่อว่า ถึงเวลาที่ดิฉันสามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้หรือยัง แต่ท่านก็ผัดผ่อนไปเรื่อย โดยอ้างว่า เพื่อนสาวคนใหม่ของท่าน ไม่ต้องการให้ดิฉันเข้าไปร่วมอยู่ในชายคาบ้านเดียวกัน เพราะดิฉันจะเป็นตัวสร้างปัญหากับลูกชายใหม่ของเธอ
และแล้วมันก็มาจบลงตรงที่ว่า มีจดหมายถึงคุณพ่อของดิฉันแจ้งว่า คุณพ่อของดิฉัน จำเป็นต้องรับภาระค่าเลี้ยงดูตัวดิฉันซึ่งยังเป็นเยาวชนอยู่ ทั้งคุณพ่อและแฟนใหม่ก็เริ่มทะเลาะอย่างรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องของดิฉันเรื่องนี้ สรุปได้ว่า พวกเขาต้องการเงินจากดิฉัน แต่ไม่ต้องการตัวดิฉัน พวกเขาไม่สนใจตัวดิฉันเลย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดิฉันพยายามที่จะฆ่าตัวตายเป็นครั้งแรก หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดิฉันก็ย้ายไปอาศัยอยู่กับคุณย่า ดิฉันคิดอยู่เสมอว่า มันเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ดิฉันจะสมควรตายแล้ว เพราะว่า ไม่มีใครสามารถจะช่วยดิฉันได้เลย ดังนั้น ดิฉันจึงถือขวดยาทั้งขวด พร้อมมีดเล่มหนึ่งเดินไปยังบริเวณป่าหลังบ้านของคุณย่า ดิฉันกินยาในขวดจนหมดขวด เสร็จแล้วเดินเข้าไปที่ห้องนอน แล้วล้มตัวลงนอน
ดิฉันจำได้แม่นยำว่า ดิฉันเห็นอุโมงค์ยาวที่ปลายอุโมงค์มีแสงสว่างอยู่ปลายทาง ดิฉันถูกลากไปตามแสงสว่าง เหมือนกับถูกดูดด้วยแรงแม่เหล็ก ฉันรู้สึกตัวว่าฉันไม่ได้อยู่ในตัวของฉันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นตัวเองได้ ดิฉันรู้แต่เพียงว่า ตัวดิฉันกำลังลอยตัวอยู่บนอากาศ ขณะที่ลอยเข้าใกล้แสงสว่างจากปลายอุโมงค์นั้น ดิฉันก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ยืนอยู่ทางด้านขวามือของดิฉัน พวกเขาแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมยาวสีขาว และแล้วชายคนหนึ่งผมสีน้ำตาลและนัยน์ตาสีฟ้าอันแหลมคมก็พูดกับดิฉันว่า “เธอจะต้องกลับไป เรายังไม่พร้อมที่จะรับเธอ” และแล้วฉันก็ลุกขึ้นมานั่ง และพบว่า มันเป็นเวลารุ่งเช้าแล้ว สิ่งแรกที่เกิดขึ้นในความคิดของฉันคือมีพระเจ้าแน่นอน และพระองค์ก็ทรงรักดิฉันมาก
เลือดหยดออกมาจากบริเวณจมูกของดิฉัน ดิฉันรีบบอกคุณพ่อให้ทราบว่า ดิฉันยังไม่ต้องการที่จะตาย คุณพ่อจึงรีบมาดิฉันไปส่งที่โรงพยาบาลทันที ดิฉันจำได้ว่า มีเลือดไหลออกมามาก และขณะที่คุณพ่อนำดิฉันส่งโรงพยาบาล ท่านก็ผรุสสวาท ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว หลังจากนั้น ดิฉันก็จำไม่ได้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ตลอดเวลา 2 -3 วันที่พักอยู่ในห้อง ไอซียู ดิฉันไม่ใช่ว่า จะกลายเป็นคนเคร่งศาสนาไปในทันทีทันใดเลย เพียงแต่ดิฉันเริ่มที่จะสนใจและเริ่มศึกษาในเรื่องของศาสนา ในช่วงเรียนชั้นมัธยม ดิฉันเคยเรียนวิชาเลือกเกี่ยวกับโบสถ์ และดิฉันก็เริ่มที่จะเข้าโบสถ์และรับศีล พร้อมทั้งเข้าร่วมในนิกายต่างๆ เช่น แบบทิส / โปเตสแทนท์ /เพนเตโทซอล รวมทั้งศาสนาอื่นที่ไม่มีนิกาย ดิฉันเสียลูกไปคนหนึ่ง เนื่องจากคลอดก่อนกำหนด และมีลูกสาวอีก 3 คนที่มีสุขภาพที่สมบูรณ์ ฉันเริ่มต้นศึกษาเรื่องสวรรค์ และหวังว่า ลูกดิฉันที่ถึงแก่กรรมไปแล้วนั้น ขณะนี้ อยู่บนสรวงสวรรค์แล้ว