พอลบี ประสบการณ์ความตาย 6990
|
Experience description:
ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ บ่ายโมงครึ่ง ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ ผมทำงานเป็นลูกจ้างแผนกควบคุมการบรรจุภัณฑ์ ขณะนั้น ผมกำลังง่วนอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ดูแลเรื่องการโอนเงินเข้าออกของบริษัทอยู่ ผมนั่งทำงานอยู่คนเดียว ขณะที่คนอื่นๆ หยุดพักรับประทานอาหาร บางขณะผมมีอาการไอรุนแรง ผมพยายามจะขากเสล็ดในลำคอออกให้หมด แต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้ลุกขึ้นยืน เอามือตบหน้าอกแรงๆ เพื่อให้เสล็ดหลุดออกจากลำคอ ผมเริ่มไอมากขึ้น ไอรุนแรงมากขึ้น และเริ่มรู้สึกว่า ท่อหลอดลมกำลังปิดอยู่ไม่ทำงาน ก็เริ่มรู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน ผมเริ่มต้นวิ่งไปรอบๆที่ทำงาน มือจิ้มไปที่หน้าอกของผมตลอดเวลา ผมตกใจมาก ควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ก็พอดี นายพอล ซึ่งทำงานที่เดียวกันกับผม ผลักประตูเข้ามา เขาเป็นคนสูงใหญ่ รูปร่างอย่างกับตึก น้ำหนักเกือบ 20 สโตน พอลรีบเข้ามาตบหลังผม หน้าอก เพื่อให้เสล็ดไหลออก แต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะนั้น ผมก็ยังมีสติดีอยู่ จึงเอามือจับแขนของพอล และจับหัวแม่มือของเขามาวางข้างๆชายโครงกระดูกของผม เพื่อให้เขากระตุกชายโครงของผม แล้วผมก็หมดสติไป ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงแต่ว่า ผมได้ออกจากร่างกายของผมไปแล้วเท่านั้นเอง
ผมจำได้ว่า ผมคิดถึงคุณแม่และคุณพ่อของผม (ทั้งสองท่านได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว) ผมคิดว่าผมตายแล้ว ผมคิดว่าผมคงจะต้องลำบากมาก แต่แท้จริงแล้ว ผมไม่ได้รับความเจ็บปวดใดๆ เพียงแต่รู้สึกอึดอัดเท่านั้น ผมจำได้ว่า ผมขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ในขณะที่ผมกำลังลอยร่องออกจากร่างกายตัวผมเอง นี่ซินะที่เรียกว่าความตาย และแล้วผมก็หยุดลอยตัว ผมสามารถมองผ่านไปข้างนอกจากหน้าต่างของสำนักงาน ถึงแม้ว่า จะไม่สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนก็ตาม อาจเป็นเพราะว่าผมยังอยู่ในสภาพของการ “ช๊อก” ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายหรือแขนขาได้ ผมก็เริ่มพูดกับตัวเอง ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วนะ ผมสามารถเห็น ผมไม่ไอรุนแรงอีกแล้วนะ แต่ก็ยังหายใจไม่ออก พลันก็มีเสียงพูดออกมาซึ่งความจริงว่า ท่านไม่ต้องกังวลที่ท่านหายใจไม่ออก ร่างกายของท่านจะเป็นผู้หายใจแทนท่านเอง ผมไม่รู้ว่า เสียงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเสียงของผู้ใด เสียงนั้น ดังมาจากด้านหลังของผม หรือดังมาจากข้างในของตัวผมเอง ผมก็เริ่มตั้งคำถามไปบ้าง (แต่จำไม่ได้ว่า ถามเรื่องอะไร) ก็ได้รับคำตอบกลับมาเช่นเดิม ผมก็เลยยอมรับสภาพในสถานการณ์ดังกล่าวโดยดุษดี และแล้วผมก็รู้สึกว่า ผมได้ลอยกลับมา “พรึบ” ผมตายไปจากอาการไอรุนแรง และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็ฟื้นกลับมาจากแรงกระตุ้นตรงชายโครงของพอล
ผมไม่รู้ว่า ผมตายไปนานเท่าไร อาจจะเป็นไปได้ว่า สมองของผมขาดออกซิเจนไปเลี้ยง คงจะไม่มีใครคาดว่า การไอสามารถทำให้ถึงตายได้ ผมฟื้นขึ้นมาแล้วนั่งพักประมาณ 20 นาที สักครู่เมื่อรู้สึกดีขึ้น ผมก็กลับไปทำงานต่อ มันเป็นการยากมากที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้ใครรับฟัง ผมต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ จึงจะมีความกล้าพอที่จะเล่าประสบการณ์นี้ให้เพื่อนร่วมงานได้ฟัง ผมถามพอลว่า นอกจากการช่วยเหลือผมด้วยวิธีรัดหน้าท้องแล้ว เขาได้ใช้วิธีอื่นหรือไม่ คำตอบคือไม่มี จึงทำให้ผมสรุปได้ว่า สติสัมปชัญญะ สามารถลอยหลุดไปจากร่างกายได้ โดยไม่จำเป็นต้อง “ตาย” ผมดีใจมากที่ยังไม่ตาย พอลอาจยังไม่รู้วิธีแก้ไขคนที่สำลัก แต่ก็น่าแปลกที่เขาทำได้ถูกต้อง แค่ผมชี้ตำแหน่งที่เขาต้องกดจุดป้องกันสำลักให้ผมได้ทัน โชคดีมานะ ที่ผมยังมีสติดีอยู่ในขณะที่เกิดเหตุ มิฉะนั้น ผมต้องตายแน่นอน